วันนี้เรามาพูดเรื่องหนักๆกัน นั้นคือเรื่อง Network สำหรับ Network นั้นคงต้องบอกว่าไม่มีบริษัทไหนไม่มี Network มันจะต้องมีไม่มากก็น้อย ส่วนใหญ่ Network นั้นจะขยายตามจำนวนคนในองค์กร ตั้งแต่มีพนักงานไม่เกิน 8 คน เราก็มักจะใช้สวิตโง่ๆตัวนึงมาเชื่อมทุกคนเข้าด้วยกัน เจ้าสวิตที่เชื่อมคน 8 คนเข้าด้วยกันเขาเรียกว่า Access Switch ไม่ว่าจะมีความสามารถอะไรก็ตาม
Access Switch คืออะไร
Access Switch คือ Switch ที่ต่อกับ Client นั้นเอง พูดง่ายๆ อะไรที่ PC / Notebook คุณเสียบสาย LAN แล้วไปเสียบกับมันนั้นแหละ Access Switch ทั้งหมด แม้บางตัวจะมีความสามารถในระดับ L2 , L3 ก็ตาม บางคนอาจจะชอบอะไรที่ Advance ก็ใช้ L3 ที่มีความสามารถมากๆ ในวันนี้เราจะไม่พูดถึงลึก แค่ปูพื้นกันก่อนว่ามันคืออะไร
Core Switch คืออะไรอ่ะ
พอองค์กรมีคนมากขึ้น ก็เริ่มมีมากกว่า Switch เริ่มมี Server มาเป็นตัวกลาง Server แล้ว Network ก็เริ่มใหญ่โตขึ้น เริ่มมีแผนกที่ชัดเจน จากแผนกละ 1 คน ก็เริ่มเยอะ ก็เริ่มมี Switch ที่คอยมาจัดการระบบต่างๆ เขาจึงเรียกว่า Core Switch คือ Switch ที่มาควบคุมมาต่อกับ Access Switch
แล้วเมื่อไรถึงจะต้องใช้ Core switch
ผมเองแต่ก่อนก็ใช้ Switch ปรกติมาตลอด ก็เรียกว่าไม่เคย manage switch กับเขาเลย เน้นเสียบใช้ เสียบใช้ตลอด แต่พอคนเริ่มมากขึ้น สัก 20-30 คน เริ่มมี Service มากมายในระบบของบริษัท ไม่ว่าจะ VOIP , File Share , Firewall สารพัด เริ่มมีอาการรวนๆ ระบบเริ่มช้าอย่างไร้เหตุผล ด้วยเหตุเราก็ชำนาญด้าน Server ก็ชัดเจนว่า Server มันไม่ Load มันปรกติ จุด Focus เลยไปที่ Switch
นั้นแหละ คือจุดเริ่มต้นที่ต้องเรียกร้องหา Core Switch ล่ะ เราอาจจะเริ่มต้นเพียง L3 Switch เทพๆ ตัวละสักเกือบแสน แสนนิดๆก่อน เพื่อนำมาช่วยบริหารจัดการระบบ เช่น นำมาทำ DHCP(กระจาย IP) แทน DHCP Server นำมาทำ Routing แทน Routing Server นำมาทำ Tag VLAN เพื่อให้ VLAN แต่ละแผนก แต่ละอุปกรณ์เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็ช่วยให้ความช้าหายไป บังเกิดเป็นระบบที่ดี
ต้องลงทุนขนาดนั้นเลยหรือ คุ้มไหม
แฮะๆ เรื่องความคุ้มของแต่ละคนไม่เหมือนกันซะด้วย แต่ Network ผมคิดว่ามันคือ Core กันเลย ไม่ว่า Computer คุณจะแรงแค่ไหน Server แรงแค่ไหน หาก Network ห่วยขึ้นมามันก็ทำให้งานสะดุด แล้วสะดุดมากๆจริงๆนะ
สมัยที่ eLife เรามีทีมเพียงแผนกละ 4-5 คน เราก็ใช้ Access switch ธรรมดาจริงๆ มันก็ทำงานได้นะ แต่อย่างที่บอก พอทีมเราขยายเป็น 20 - 30 งานงอกมันบังเกิด เพราะ User ใช้งาน Internet ช้าบ้างล่ะ ระบบติดๆหลุดๆบ้างล่ะ ไม่ต้องหลุดบ่อยหรอก แค่วันละ 3-4 ครั้ง ก็แย่ล่ะ สิ่งที่เรา Investigate ได้ แล้วปรึกษาผู้ชำนาญ Network ก็ถึงบางอ้อว่า network เลยต้นเหตุ
ตอนแรกที่ถูกนำเสนอ Solution การแก้ปัญหามา ก็มาเกือบล้านเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็พยายามตัดเท่าที่จะตัดได้ เช่น ไม่เอา POE ลด Spec บางส่วนแต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ หรือ แม้กระทั้งทยอยเปลีย่นเช่น เอา Core Switch มาก่อน แล้วค่อยเปลี่ยน Access Switch ทีหลังเป็นต้น หรือ Router ที่เราใช้ๆกับทาง 3BB , True , TOT , CAT ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ Cisco Router เพื่อให้เปิดได้ 24 ชม หรือการทำ PPPoE ที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็ต้องทำเพื่อลด Load ที่เกิดจาก Router True , 3BB ตัวที่เปลี่ยนไม่ได้เพราะ Fibre เป็นแบบพิเศษ เอา Service DHCP ออกจาก Router มาทำที่ Core switch แทน ก็ช่วยแก้ปัญหาไปได้จนระบบเนียน
แต่ผมต้องบอกว่า การลงทุนในอะไรทีมันยั่งยืน มันก็ช่วยให้งานไม่สะดุด พองานไม่สะดุด มันก็ช่วยให้ยอดขายของบริษัทก็เพิ่มได้โดยไม่สะดุด หากพนักงานขายต้องเสียโอกาสการขายเพราะ Internet ไม่เสถียร หรือ ต้องหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องทำให้ทำงานได้ไม่สมาธิ ผมว่าถ้าเทียบแล้วกับทุกคนในองค์กรเป็นแบบนัน ก็น่าจะเสียหายหนักกว่าจำนวนเงินที่ลงทุนไป แต่ก็ต้องลองเทียบดูครับ