คำว่า Business PC , Business Notebook หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันต่างอะไรกับ Consumer PC , Consumer Notebook ทั้งๆที่เราก็มองเห็นว่ามันก็ CPU เดียวกัน Ram เท่ากัน Disk ก็เหมือนๆกัน เอาจริงๆ ไม่ได้อิงนิยาย ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับรถ Toyota กับ Lexus นั้นแหละ บริษัทเดียวกัน แต่เกรดไม่เท่ากัน อาจจะมีแรงม้าเท่ากัน เยียบไปได้เหมือนกัน แต่สิ่งแตกต่างก็คือวัสดุที่นำมาใช้ทำ PC , Notebook เหล่านั้นที่แตกต่างกัน
  1. แตกต่างคุณภาพของวัสดุ : โอ้ จับต้องยากจัง 5555+ จริงถ้าจะเทียบมันก็เหมือนเราประกอบ PC เราจะพบว่ามันมี Mainboard แพง กับ Mainboard ถูกๆ ซึ่งบางทีก็แตกต่างกันที่ความสวยงาม แตกต่างกันที่ Chipset แตกต่างกันที่ Spec Upgrade ได้มากกว่า ก็ทำนองเดียวกัน หรือหากเป็น Notebook จะชัดเจนมาก เพราะ Business Notebook จะทำด้วยวัสดุ Premium บางตัวก็ Carbon บางตัวก็ใช้วัสดุเดียวกับที่ทำเครื่องบิน เสริมพิเศษตรงมุมโค้งพวกขอบ Notebook เพื่อให้คงทนเวลาตก หล่น ก็จะไม่แตกง่าย มีการทำช่องสำหรับการระบายน้ำ เช่น ThinkPad เราจะเทน้ำลงบน keyboard ได้โดยเครื่องไม่พัง คือน้ำมันจะไปขังอยู่ด้านในเครื่อง แต่ใต้เครื่องจะเห็นว่ามีรูระบายน้ำออก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เครื่องคงทน อยู่ได้ยาวนาน
  2. แตกต่าง Software จัดการ : เราจะพบว่า Business Line นั้นจะมี Software เข้ามาช่วยบริหารจัดการเยอะกว่า ไม่ว่าจะ Software Backup หรือ Software ที่ปกป้องเครื่องของเราจากความเสียหาย อันนี้ก็แล้วแต่ แต่ละยี่ห้อ เช่น หากเป็น Thinkpad ก็จะมี System Update หรือ Backup & Recovery ที่ติดตั้งเข้าไปสั่ง Backup ได้ หรือปุ่ม ThinkVantage ไว้สำหรับเข้าไป Backup / Restore แม้ Boot เข้า OS ไม่ได้ ทั้งนี้ก็ต้องเป็นรุ่นที่มี Windows มาด้วยนะ
  3. แตกต่างที่อุปกรณ์ป้องกัน : อันนี้หลายคนไม่ทราบ อย่าง DELL / HP / Thinkpad ก็จะมีระบบป้องกัน Harddisk กันกระแทก เหมือนที่เราได้เห็น Clip มากมายใน Youtube พวก The Legends of ThinkPad เป็นต้น ก็จะมี Clip มากมาย ที่ถึงขนาดเอารถเยียบกันเลยทีเดียวเชียว หรือ HP ก็จะทดสอบด้วยการเอาคนอ้วนๆเยียบ เป็นต้น ถามว่ามันเป็นไปได้ไง ก็เพราะว่ามันมีอุปกรณ์ Airbag ป้องกันการกันกระแทก หรือมีระบบ Sensor หากคุณถือ Notebook เดินไปเดินมา ก็จะหยุดการทำงานของ HDD เพื่อป้องกันการพัง หรือ ป้องกันน้ำหกใส่ก็มี ใต้ Thinkpad ก็จะมีรู รู เพื่อเวลาน้ำไหลเข้า ก็ไหลออกได้ ทั้งนี้ พวกนี้คือ ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่อยู่ใน Business Line

            อ่านไปอ่านมา เราก็มักจะเจอจุดแตกต่างสำหรับ Notebook ทั้งนั้นเลย แล้ว PC ล่ะ มันต่างยังไง เพราะวัสดุคงทนเราคงไม่ต้องการ เพราะมันตั้งอยู่กับที่ มันไม่ได้แบกไปไหน ส่วนด้าน PC หลักๆเลยเท่าที่เห็นคือ การทำให้ต่อออกได้หลายจอ การเก็บสายต่างๆภายในเครื่องที่ดู Premium แล้วน่าจะมีเกรดของวัสดุหลักๆของพวก mainboard อะไรที่แตกต่างกันออกไป เพราะสินค้ากลุ่ม Commercial นั้นจะทำงาน 8-9 ชมอย่างน้อยๆ แล้วก็ประกัน 3 ปี ส่วนเราใช้งานตามบ้าน ปรกติเราก็ใช้งานไม่ค่อยถึง ไม่เหมือนเราไป Office เราเปิดทุกวันวันละ 8-9 ชม

            คำถามต่อมา เออ มันก็ฟังดูดีนะ แต่จะคุ้มไหมอ่ะ มันแพงกว่า ก็จะบอกว่า คุ้มไม่คุ้มอยู่ที่คุณคิด เพราะคุ้มของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน คนนึงทำธุรกิจ คาดหวังใช้ PC 3 ปี ใช้งานหนัก ทำเงินมหาศาลก็คิดว่าคุ้ม กับอีกคน เอามาเล่นเกมส์ พิมพ์งาน ใช้งานบ้างไม่ใช้งานบ้าง ก็อาจจะไม่คุ้มสำหรับคนนี้ ไม่มีใครตอบได้ว่าการจ่ายแพงกว่าคุ้มหรือไม่ ผมพบว่าบางคนพบความคุ้มค่าเมื่อมันเสีย ตอนซื้อมองว่าดี ถูก สุดยอด แต่เมื่อวันที่มันเสีย และไม่สามารถกู้อะไรกลับคืนมาได้ นั้นแหละ คือวันที่เลวร้ายที่สุด และเริ่มมองหาของที่ปกป้องเขาได้จากสิ่งไม่คาดฝัน

            บทสรุปคงจะบอกว่า Business PC / Notebook นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งาน Computer แล้วคิดว่าสิ่งที่อยู่ในคอมของเรานั้นมีความสำคัญ มากกว่าตัวเงินที่จ่ายออกไป ผมบอกไม่ได้ว่าเป็นธุรกิจ เพราะบางคนใช้ส่วนตัวแต่ก็มองว่าข้อมูลเขาสำคัญ หรือบางคนใช้ในธุรกิจ แต่ก็อาจจะกลับมองว่ามี Backup แล้วต้องการประหยัดงบประมาณ หรือบางคนซื้อคอมโง่ๆ แล้วใช้ Virtual PC ในบริษัทเอาก็เป็นไปได้ ดังนั้นไม่ว่ามันจะเป็น PC For Business หรือ For Consumer ก็ตาม คุณเป็นคนตัดสินในความคุ้มค่าเงินของคุณ


บทความเปรียบเทียบ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ที่ได้พบเจอ ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างจากบางคนได้
Home Product Service Solution Partner / Affiliate Support About Us Community
Privacy Policy Terms of Service Copyright/IP Policy