สมัยก่อนเรามี Server แล้วพอ Server มีพื้นที่ไม่พอเราก็เกิด Storage แบบ JBOD เกิดขึ้น สมัยนั้นคนขาย Storage ก็ขายฟีเจอร์บน Storage กันพอทุกคนไป Storage ก็กลายเป็น Storage + Feature นั้นก็มาพร้อมกันอัตโนมัติ แต่สิ่งสำคัญมากกว่า Server + Storage คือ ระบบและข้อมูลของนั้นเอง เราไม่ได้สนใจ หรือ ต้องการอะไรไปมากกว่าระบบที่มันไม่ล่ม ไม่ล่วง ไม่ Down นั้นแหละ ทำให้ Engineer กลับต้องมาเรียนรู้จัก Server ,Storage , Software ต่างๆนาๆมากมาย เพื่อให้ได้คำว่า Five-Nine ก็คือ 99.999% Uptime นั้นเอง
กำหนดแนวคิดใหม่โดย Google
Google นับว่าเป็นองค์กรแรกๆ ที่ออกมาเปิดเผย Infrastructure ของตัวเอง ว่าจริงๆแล้วระบบที่มี Server + Storage นั้นไม่ Work สำหรับเขา เขาต้องการอะไรที่ Scale-out ออกไปได้เรื่อยๆ จึงเปิดเผยการนำ Server หลายๆตัวมาต่อกัน แล้วนำ Internal Disk ทุกเครื่องมา Pool กัน ทำให้ทุกๆค่ายก็เริ่มวิ่งตามสิ่งที่ Google ทำขึ้น
ทีม Engineer ที่ทำระบบให้ Google ก็ออกมาตั้งบริษัทที่ชื่อว่า Nutanix แล้วทำ Software Defined Data-Center เพื่อนำสิ่งที่ Google คิด Google ออกมาใช้งานทำให้ Nutanix ก็เลยโด่งดังมาก แล้วค่ายอื่นๆก็เริ่มเข้ามาทำแบบเดียวกัน ก็เรียกกันว่า Hyper-Converged
Nutanix มองตัวเองเป็น Cloud ดังนั้นจึง Design ทุกอย่างมาบนความง่ายเป็นหลัก หาก Server เราต่อ Internet ได้ก็จะทำการ Check Software Update version ให้ ซึงก็จะบอกถึง Version ปัจจุบัน หากไม่ต่อ Internet ก็สามารถไป Download Software Version มา Browse เพื่อ Update ทั้งระบบได้ เพื่อให้ได้ฟีเจอร์ใหม่ แม้จะบน Hardware เดิมที่ใช้งานอยู่ก็ตาม ดงนั้นก็จะช่วยการเข้ากันกับ Hardware ตัวใหม่ๆที่เรา Scale-out ไปได้เรื่อยๆ
Nutanix เหมาะกับใคร
ชัดเจน เหมาะกับองค์กรที่มี IT จำนวนน้อย หรือต้องการมีน้อย แต่ไม่ใช่ไม่มี IT เลยเพราะยังคงต้องจัดการ Monitor พวก VM และโหลดต่างๆ การติดตั้งเพียง Set ค่า IP Address และค่าต่างๆเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นก็สามารถลด Engineer ลงได้พอสมควร