ในยุคที่ธุรกิจต้องขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมส่งผลอย่างมากต่อความสำเร็จและความคล่องตัว “Microsoft 365” เป็นหนึ่งในโซลูชันยอดนิยมที่บริษัททั่วโลกเลือกใช้ แต่เมื่อพูดถึงการเลือกแผนที่เหมาะสมระหว่าง Microsoft 365 Business กับ Microsoft 365 Enterprise หลายองค์กรอาจมีข้อสงสัยว่าแบบไหน “คุ้มค่า” และตอบโจทย์ธุรกิจของตนมากที่สุด บทความนี้จะเจาะลึก เปรียบเทียบฟีเจอร์ ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงแนะแนวทางการเลือกให้เหมาะกับองค์กรของคุณ
แนะนำ Microsoft 365 และความสำคัญกับธุรกิจ
Microsoft 365 เป็นชุดซอฟต์แวร์คลาวด์ที่รวมเครื่องมือสำนักงาน การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน เช่น Word, Excel, PowerPoint, Outlook, OneDrive, Teams และแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ธุรกิจทุกประเภทจำเป็นต้องใช้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโซลูชั่นความปลอดภัยและการบริหารจัดการอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง และรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
เปรียบเทียบ Microsoft 365 Business กับ Enterprise
กลุ่มเป้าหมายและจำนวนผู้ใช้
- Microsoft 365 Business: เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (SMB) ที่มีผู้ใช้งานไม่เกิน 300 คน[2][5][6]
- Microsoft 365 Enterprise: ออกแบบมาสำหรับองค์กรขนาดใหญ่หรือธุรกิจที่มีความซับซ้อนสูง ไม่มีข้อจำกัดจำนวนผู้ใช้[2][5]
ฟีเจอร์หลักและความแตกต่าง
- Microsoft 365 Business:
- ครอบคลุมเครื่องมือ Office 365 (Word, Excel, PowerPoint, Outlook, Teams, OneDrive, SharePoint)
- ระบบอีเมลธุรกิจและปฏิทิน (Exchange)
- พื้นที่เก็บข้อมูลบน OneDrive 1 TB ต่อผู้ใช้
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับเริ่มต้น เช่น การป้องกันมัลแวร์ ป้องกันฟิชชิ่ง และ Device Management[6]
- รองรับ Mobile Device Management (Intune) ในแผน Business Premium
- Microsoft 365 Enterprise:
- รวมทุกฟีเจอร์ใน Business และเพิ่มเติมด้วย:
- Power BI สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน
- Power Apps สำหรับการสร้างแอปธุรกิจเฉพาะกิจ
- ระบบความปลอดภัยและ Compliance ขั้นสูง (Enterprise Mobility + Security, Advanced Threat Protection, eDiscovery, Information Protection)[2][5][7][8]
- การบริหารจัดการอุปกรณ์ระดับองค์กร รองรับ Hybrid/Cloud Environment
- ไม่มีข้อจำกัดจำนวนผู้ใช้และเพิ่มฟีเจอร์ด้าน Collaboration และ Automation[2][5][8]
- รวมทุกฟีเจอร์ใน Business และเพิ่มเติมด้วย:
ความปลอดภัยและการบริหารจัดการ
- Business: มีระบบป้องกันพื้นฐาน เช่น Anti-phishing, Microsoft Defender, Intune สำหรับจัดการอุปกรณ์ใน Business Premium[6]
- Enterprise: ขยายความสามารถการป้องกันภัยไซเบอร์ เติมเต็มความต้องการ Compliance ตามมาตรฐานสากล พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์และตอบสนองภัยคุกคามขั้นสูง (Advanced Threat Protection, Microsoft Purview, Conditional Access, eDiscovery)[2][7][8]
ราคาและความคุ้มค่า
- Microsoft 365 Business:
- ราคาเริ่มต้นประมาณ $6 – $22 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน (ขึ้นกับแผนที่เลือก เช่น Business Basic, Business Standard, Business Premium)[5][6]
- เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการควบคุมงบประมาณ และเน้นฟีเจอร์หลัก
- Microsoft 365 Enterprise:
- ราคาเริ่มต้นสำหรับ E3 ประมาณ $33.75 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน และ E5 ประมาณ $54.75 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน[2][5][8]
- มีสัญญารายปีและส่วนลดสำหรับการซื้อมากกว่า
- คุ้มค่าสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบความปลอดภัยสูง และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่
ตารางเปรียบเทียบฟีเจอร์และความคุ้มค่า
คุณสมบัติ | M365 Business | M365 Enterprise |
---|---|---|
จำนวนผู้ใช้สูงสุด | 300 ผู้ใช้ | ไม่จำกัด |
แอป Microsoft Office | Word, Excel, PowerPoint, Outlook | ครบทุกแอป Office |
OneDrive | 1 TB / ผู้ใช้ | มากกว่า 1 TB / ผู้ใช้ (ตาม usage) |
Collaboration Tool | Teams, SharePoint | Teams, SharePoint, Yammer, Power Platform |
Security | พื้นฐาน Device & Data Protection | Advanced Threat Protection, Compliance, eDiscovery |
Analytics | – | Power BI, Advanced Analytics |
Admin Management | พื้นฐาน (ปกติใช้ได้เอง) | เต็มรูปแบบ รองรับ Custom Policy |
ราคา (ประมาณ) | $6 – $22/ผู้ใช้/เดือน | $33.75 – $54.75/ผู้ใช้/เดือน |
แนวทางการเลือก Microsoft 365 ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
- ขนาดและศักยภาพขององค์กร
- ถ้าธุรกิจคุณมีผู้ใช้งานไม่เกิน 300 คน และเน้นการทำงานประจำวัน เช่น เอกสาร อีเมล การประชุมออนไลน์ แผน Business คือคำตอบที่ “คุ้มค่า” และประหยัด
- หากธุรกิจมีแนวโน้มขยายตัว ต้องการระบบความปลอดภัยสูง หรือมีการเก็บข้อมูลเพื่อ Compliance เช่น สถาบันการเงิน ประกันภัย องค์กรรัฐ หรือบริษัทขนาดใหญ่ เลือก Enterprise จะให้ความยืดหยุ่นและความมั่นคงปลอดภัยในระยะยาว
- ฟีเจอร์ที่องค์กรต้องการ
- เน้นใช้งาน Office หลัก Collaboration และระบบความปลอดภัยพื้นฐาน เลือก Business
- ต้องการระบบวิเคราะห์ข้อมูล, ระบบอัตโนมัติ, การบริหารจัดการอุปกรณ์ระดับสูง, Custom Policy, หรือระบบ Workflows ขั้นสูง เลือก Enterprise
- งบประมาณ
- หากจำกัดงบประมาณและยังไม่มีแผนขยายองค์กรในระยะสั้น Business จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก
- กรณีองค์กรขนาดใหญ่ งบประมาณด้าน IT เป็นเพียงส่วนหนึ่งของต้นทุนที่ต้องแลกกับความปลอดภัยและ compliance Enterprise จะคุ้มค่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สรุปและ Call-to-Action
“Microsoft 365 Business และ Microsoft 365 Enterprise” ต่างมีจุดเด่นและข้อดีที่ตอบโจทย์องค์กรแต่ละประเภทอย่างชัดเจน การเลือกแผนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาดองค์กร ฟีเจอร์ที่ต้องการ งบประมาณ และความจำเป็นด้านความปลอดภัย หากยังไม่แน่ใจว่าแผนไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ สามารถติดต่อทีมงาน 2beshop.com เพื่อขอคำปรึกษาและรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ทันที
สนใจขอใบเสนอราคา หรือรับคำแนะนำแผน Microsoft 365 ที่เหมาะกับธุรกิจ คลิกติดต่อ 2beshop.com หรือโทร. ติดต่อ 02-1186767 ได้เลย!
#reference sources
[1] https://learn.microsoft.com/en-us/windows-365/business-enterprise-comparison
[2] https://www.buchanan.com/microsoft-365-business-vs-enterprise/
[5] https://www.acecloudhosting.com/blog/office-365-business-vs-enterprise/
[6] https://www.microsoft.com/en-us/microsoft-365/business/microsoft-365-plans-and-pricing
[7] https://learn.microsoft.com/en-us/office365/servicedescriptions/office-365-platform-service-description/office-365-plan-options
[8] https://www.microsoft.com/en-us/microsoft-365/enterprise/microsoft365-plans-and-pricing