การจัดการข้อมูล และการใช้ HDD Storage ของร้านค้าปลีก
ร้านค้าที่คนเดินเข้ามาอย่างต่อเนื่องในวัน Black Friday. ลูกค้ารีบเข้ามาเอาสินค้าและยืนคอยที่เคาน์เตอร์ แซรา, ผู้จัดการร้าน, พยายามจัดสินค้าและจัดการที่เคาน์เตอร์ แต่ระบบ POS แสดงข้อความว่า “ข้อผิดพลาด: ความจุเต็มแล้ว” ลูกค้าเริ่มไม่พอใจ และร้านค้าเสียโอกาสทำยอดขาย.
ทำความเข้าใจปัญหา
ร้านค้าปลีกในยุคปัจจุบันต้องพึ่งพาข้อมูลจากระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ หากระบบ POS หรือซอฟต์แวร์การจัดการสต็อกมีปัญหาจากฮาร์ดดิสก์หรือการจัดการข้อมูลที่ไม่ดี ธุรกิจอาจหยุดชะงักได้ทันที และสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณจะต้องระวังเป็นพิเศษ
1. ปริมาณของข้อมูลล้น
ร้านค้าปลีกในปัจจุบันจัดการข้อมูลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการทำรายการซื้อสินค้า, โปรไฟล์ลูกค้า, และข้อมูลสต็อก ข้อมูลสะสมที่เข้ามาจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้ร้านค้าปลีก มีความจำเป็นที่จะหาพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
2. ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล
ร้านค้าต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที หากฮาร์ดดิสก์ไม่ได้รับการวิเคราะห์ ตรวจสอบ หรือปรับปรุง ก็อาจเกิดปัญหาได้ บางครั้งข้อมูลอาจจะไม่ได้เต็ม แต่ HDD เกิดความเสียหาย ก็ทำให้ระบบธุรกิจสามารถรวนไม่เป็นท่า ได้เลยทีเดียว ดังนั้นหากเรามีระบบที่ควรตรวจจับการทำงานของ HDD ที่เริ่มบกพร่องเรา เช่นการเข้าถึงข้อมูลทำได้ช้าผิดปกติเราก็มีโอกาสแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ก่อนที่หายนะจะเกิด
3. ขาดการสำรองข้อมูล
หากไม่มีการสำรองข้อมูล ร้านค้าอาจเสี่ยงที่จะสูญเสียข้อมูล นั่นหมายถึงข้อมูลสำคัญของธุรกิจที่สูญหายไป และแน่นอนมันย่อมส่งผลให้เกิดความเสียหายกับธุรกิจของคุณขึ้น
สมัยเป็นเด็ก ผู้เขียนเคยนั่งเขียนรายงานส่งอาจารย์ทั้งคืน พอถึงเช้าก็ดีใจที่งานเขียนนั้นเสร็จลงได้ ด้วยความตื่นเต้นจนเกิดเหตุก็กด Shut Down เครื่องทันทีโดยลืมไปว่า งานที่เขียนมาทั้งหมดนั้นยังไม่ได้เซฟ พูดง่าย ๆ คือปั่นงานทั้งคืน ไม่ได้เขีนยไปเซฟไป และสมัยนั้นคอมฯ เก่ารุ่นคุณปู่ และโปรแกรมคร่ำครึ ก็ไม่มีระบบ auto save มาด้วย หายนะบังเกิด น้ำตาไหลพรากทันที…
ความรู้สึกพังพินาศที่ยิ่งใหญ่กว่า เกิดขึ้นกับคุณแน่นอน ถ้าอยู่ดีดีข้อมูลยอดขายทั้งหมดทั้งปวง ละลายหายวับไปกับตา ไหนจะข้อมูลลูกคาที่มีค่าดั่งทองคำพวกนั้นอีกเล่า
จะดีกว่าไหม ถ้าวันนี้คุณสร้างความพร้อมใหกับธุรกิจตัวเอง ด้วยการสร้างระบบสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพราะเรื่องแบบนี้ “วัวหายล้อมคอกไม่ได้” มูลค่าความเสี่ยงมันคงจะสูงเกิดไป เรียกได้ว่ารองพังครั้งเดียว ก็อาจจะพังล้มหายไปจากวงการธุรกิจได้เลยทีเดียว
4. การจัดการข้อมูล: ข้อมูลที่ไม่เป็นระบบอาจทำให้เกิดปัญหาในการดึงข้อมูล และต่อไปนี้คืออุปกรณ์ IT และซอฟต์แวร์ ที่เราขอแนะนำให้คุณใช้
- Hard Disk และ HDD Storage: เลือกใช้อุปกรณ์ระดับองค์กร ที่ถูกออกแบบมาสำหรับความเร็วและความน่าเชื่อถือ
Hard Disk หมายถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหลักภายในคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยจานตั้งแต่หนึ่งแผ่นขึ้นไปที่เคลือบด้วยวัสดุแม่เหล็ก มีแขนกระตุ้นที่เคลื่อนไหวได้พร้อมหัวอ่านและเขียนข้อมูลเข้าและออกจากจานเหล่านี้
HDD Storage (ที่เก็บข้อมูลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์) หมายถึงอุปกรณ์ทั้งหมดหรือยูนิตที่เก็บฮาร์ดดิสก์ ประกอบด้วยฮาร์ดดิสก์พร้อมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เฟิร์มแวร์ และตัวควบคุมในตัว ซึ่งทำให้ระบบปฏิบัติการสามารถเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ได้
- SSD: สำหรับระบบที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลเร็ว
SSD คืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้หน่วยความจำแฟลชแบบ NAND เพื่อจัดเก็บข้อมูล ต่างจากฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ทั่วไปตรงที่ SSD ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ซึ่งทำให้เข้าถึงข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น ความทนทานดีขึ้น และการทำงานเงียบขึ้น
ตัวอย่าง: ลองนึกถึง SSD เหมือนธัมบ์ไดรฟ์ USB ขนาดใหญ่ แต่ได้รับการออกแบบมาสำหรับงานที่สำคัญกว่า และได้รับการปรับให้เหมาะสมในด้านความเร็วและความทนทาน
- RAID Controller: สำหรับการตั้งค่า RAID เพื่อการสำรองข้อมูล
ตัวควบคุม RAID (Redundant Array of Independent Disks) คืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หรือโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการฮาร์ดไดรฟ์ (หรือโซลิดสเตตไดรฟ์) ในคอมพิวเตอร์หรืออาร์เรย์จัดเก็บข้อมูล เพื่อให้ทำงานเป็นหน่วยลอจิคัล วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพของระบบผ่านการสำรองข้อมูลและการกระจายข้อมูล
ตัวอย่าง: ลองนึกภาพบรรณารักษ์ (RAID Controller) คอยดูแลชั้นวางหนังสือหลายชั้น (ไดรฟ์) แทนที่จะวางหนังสือ (ข้อมูลของคุณ) ไว้บนชั้นวางเพียงชั้นเดียว บรรณารักษ์อาจกระจายสำเนาหลายชุดหรือแยกหนังสือออกเป็นหลายชั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าถึงได้รวดเร็วและปลอดภัยจากความเสียหายของชั้นวางที่อาจเกิดขึ้น
- Software DBMS: เช่น Microsoft SQL Server หรือ Oracle Database สำหรับการจัดการข้อมูล
ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) คือซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการ จัดเก็บ ดึงข้อมูล และโต้ตอบกับข้อมูลในลักษณะที่มีโครงสร้าง โดยทำหน้าที่เป็นอินเทอร์เฟซระหว่างข้อมูลที่เก็บไว้กับผู้ใช้หรือโปรแกรมแอปพลิเคชัน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลได้รับการจัดระเบียบอย่างสม่ำเสมอและยังคงเข้าถึงได้ง่าย
ตัวอย่าง: คิดว่า DBMS เป็นบรรณารักษ์ที่ดูแลห้องสมุดอันกว้างใหญ่ เช่นเดียวกับที่บรรณารักษ์รู้ว่าหนังสือแต่ละเล่มอยู่ที่ไหนและสามารถดึงข้อมูลมาให้ผู้อ่านได้ DBMS ก็รู้ว่าข้อมูลแต่ละชิ้นถูกเก็บไว้ที่ไหนและสามารถดึงข้อมูลได้เมื่อมีการร้องขอ
- Cloud Backup: สำหรับการสำรองข้อมูลไปยังคลาวด์
Cloud Backup หมายถึงกระบวนการจัดเก็บข้อมูลและแอปพลิเคชันจากโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหลักของธุรกิจไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ซึ่งโดยทั่วไปจะโฮสต์โดยผู้ให้บริการบุคคลที่สามผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งหมายความว่าแทนที่จะพึ่งพาพื้นที่จัดเก็บในตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว (เช่น HDD หรือ SSD) ร้านค้าปลีกสามารถสำรองข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์นอกสถานที่ได้ เพื่อให้มั่นใจถึงความซ้ำซ้อนและความปลอดภัยที่มากขึ้น
ตัวอย่าง: ลองนึกภาพการบันทึกธุรกรรมการขายของร้านค้าของคุณซ้ำกัน ไม่ใช่แค่ในคอมพิวเตอร์ของร้านค้าของคุณ แต่บนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล แม้ว่าร้านค้าของคุณจะประสบปัญหาจากความล้มเหลวของอุปกรณ์ แต่ข้อมูลนั้นจะยังคงปลอดภัยและเข้าถึงได้จากที่อื่น
5. ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล: เช่น Tableau หรือ Excel สำหรับการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล
Tableau คือเครื่องมือสร้างภาพข้อมูล ข่าวกรอง หรือ insight ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ แสดงภาพ และแบ่งปันข้อมูลในลักษณะที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ด้วยอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ใช้งานง่าย Tableau ช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่ด้านเทคนิคสามารถสร้างแดชบอร์ดที่กำหนดเองซึ่งสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจอันมีค่าจากชุดข้อมูลที่ซับซ้อน ซึ่งสามารถนำมาใช้ร่วมกับฐานข้อมูล การเข้าไปดึงข้อมูลมาวิเคราะห์ รวมถึงทำงานร่วมกับ Excel ได้เป็นอย่างดี
สรุป
ในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การที่ร้านค้าปลีกสามารถปรับตัวและใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และทำให้ธุรกิจยืนยันในตลาดที่แข่งขันอย่างเข้มข้นได้