ความซ้ำซ้อน และการป้องกันระบบ Network ล้มเหลว (Redundancy and Failover)
การบำรุงรักษาระบบเครือข่ายคือเรื่องสำคัญที่ใครหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและการสื่อสารไม่ควรมองข้าม ความซ้ำซ้อนและการป้องกันระบบล้มเหลว (Redundancy and Failover) เป็นสองหัวใจของการควบคุมความเสี่ยงในระบบเครือข่าย เพื่อให้ระบบสามารถทำงานอย่างต่อเนื่องและป้องกันการขัดข้อง ในบทความนี้ เราจะสำรวจเทคโนโลยีและวิธีการใช้งานคร่าวๆ เพื่อให้คุณเข้าใจและนำมาใช้ในระบบเครือข่ายของคุณ
1. Dual ISP: เพื่อให้มั่นใจถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ต่อเนื่อง
Dual ISP หรือ Dual Internet Service Provider เป็นเทคนิคการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสองสายพร้อมกันในระบบเครือข่าย เป็นการสร้างความเชื่อมต่อที่มีความพร้อมใช้งานสูงขึ้น ในกรณีที่หนึ่งใน ISP ตัดการเชื่อมต่อ ระบบจะสามารถสลับไปใช้ ISP อีกหนึ่งสายได้โดยไม่มีการขาดหายของบริการ
การสร้าง Dual ISP คือการทำให้ระบบเครือข่ายสามารถเชื่อมต่อกับ ISP สองอย่างพร้อมกัน โดยการใช้เราต์เตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายที่รองรับการเชื่อมต่อสองสาย ทำให้ระบบเครือข่ายของคุณมีความเสถียรและไม่มีจุดเดียวที่ฝ่ายต่อต้านสามารถทำลายการเชื่อมต่อได้
ตัวอย่าง: ในองค์กร A มีการเชื่อมต่อกับ ISP สองบริษัท เมื่อ ISP หนึ่งมีปัญหาและตัดการเชื่อมต่อ ระบบเครือข่ายจะสามารถเชื่อมต่อผ่าน ISP อีกบริษัทได้โดยไม่มีการขาดหายของการเชื่อมต่อ
2. แหล่งจ่ายไฟสำรอง (UPS): เพื่อรักษาเครือข่ายไว้ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ
UPS หรือ Uninterruptible Power Supply เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยรักษาเครือข่ายและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไม่สูญเสียข้อมูลหรือหยุดทำงานในกรณีที่มีการดับไฟฟ้า สามารถใช้เครื่องสำรองไฟฟ้านี้เพื่อให้เครือข่ายยังคงทำงานได้ต่อเนื่องในระหว่างเวลาที่ไฟฟ้าดับ
การเลือกใช้ UPS ที่เหมาะสมกับระบบเครือข่ายของคุณสำคัญมาก ควรพิจารณาความพร้อมใช้งานของ UPS และกำลังไฟฟ้าที่มีการส่งออกให้เพียงพอในเวลาที่คุณต้องการให้ระบบเครือข่ายทำงานต่อไป
ตัวอย่าง: ถ้าคุณมีเครือข่ายขนาดใหญ่และต้องการให้ระบบทำงานต่อไปเป็นเวลา 30 นาทีหลังจากไฟฟ้าดับ คุณอาจต้องเลือกใช้ UPS ที่มีกำลังไฟฟ้ามากเพียงพอและความพร้อมใช้งานสูง
3. Load Balancer: เพื่อกระจายแอปพลิเค
ชันขาเข้าหรือการรับส่งข้อมูลเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่อง
Load Balancer เป็นอุปกรณ์หรือโปรแกรมที่ช่วยกระจายการเข้าถึงแอปพลิเคชันหรือการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่อง โดยการทำงานอัตโนมัติเพื่อลดภาระการทำงานของเซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่องและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล
Load Balancer ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันด้านเครือข่ายเป็นไปอย่างเรียบง่ายและเสถียร โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเป็นจุดเดียวที่เสี่ยงต่อการล่มหรือการรับส่งข้อมูลที่ช้า
ตัวอย่าง: เมื่อเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์มีผู้ใช้งานมากขึ้น การใช้ Load Balancer ช่วยให้แต่ละเซิร์ฟเวอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป และผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้รวดเร็ว
4. Backup and Recovery: ระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติทั้งในและนอกสถานที่
ระบบสำรองข้อมูล (Backup and Recovery) เป็นการสำรองข้อมูลเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลที่สำคัญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลกลับมาใช้งานในกรณีที่ข้อมูลหรือระบบได้รับความเสียหาย ระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะไม่สูญหายและสามารถกู้คืนได้ในกรณีฉุกเฉิน
มีหลายวิธีในการสำรองข้อมูล เช่นการสำรองข้อมูลในระบบ Cloud, การใช้โปรแกรมสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ หรือการสำรองข้อมูลบนอุปกรณ์พกพา
ตัวอย่าง: การใช้บริการสำรองข้อมูลใน Cloud ช่วยให้รายงานการขายและข้อมูลสำคัญอื่นๆ ของธุรกิจได้รับการสำรองอย่างปลอดภัย และสามารถเข้าถึงได้ทุกเมื่อในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ข้อมูลหายไป
สรุป
ความซ้ำซ้อนและการป้องกันระบบล้มเหลวเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจในการบำรุงรักษาระบบเครือข่าย เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเสถียรและมั่นใจได้ว่าข้อมูลและบริการจะไม่มีขัดข้อง การใช้เทคโนโลยีอย่าง Dual ISP, UPS, Load Balancer, และระบบสำรองข้อมูลจะช่วยให้คุณบริหารจัดการระบบเครือข่ายของคุณอย่างมืออาชีพและป้องกันการเกิดภัยในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว