HMS หรือระบบบริหารจัดการรงแรม มีความสำคัญมาก และจะต้องเชื่อมต่อกับ server แล network ต่าง ๆ ของโรงแรมด้วย
กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง

ระบบการจัดการห้องพัก (HMS) ในธุรกิจโรงแรม

 

ระบบการจัดการห้องพัก (HMS) ในธุรกิจโรงแรม

 

HMS หรือ Hotel Management System ที่เข้มแข็งเป็นแกนกลางของการจัดการการจอง, เช็คอิน, เช็คเอาท์, การกำหนดห้อง, และการเรียกเก็บเงิน นอกจากนี้ยังมีการติดตามประวัติแขกและบริการเสิร์ฟแก่แขกที่มีการปรับแต่งส่วนบุคคล

ระบบการจัดการโรงแรมและบริการเสิร์ฟที่ครอบคลุม  (HMS) คือ โซลูชันไอทีที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้กระบวนการในโรงแรมและอุตสาหกรรมการบริการเสิร์ฟมีความราบรื่นและเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วยซอฟต์แวร์และเครื่องมือที่ทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขจุดอ่อนและเพิ่มประสิทธิภาพ

 

แผนผังการทำงานของระบบ:  

 

1. ระบบการจัดการการจอง (Reservation System)

 

ความหมาย

ระบบการจัดการการจองเป็นแกนกลางของการทำงานในโรงแรม ช่วยในการจัดการการจองห้องพัก, การยืนยันการจอง, การแจ้งเตือน, และการยกเลิกการจอง

ส่วนประกอบหลักของระบบ

  • ฐานข้อมูลห้องพัก: บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของห้องพัก
  • ระบบการจัดการคิว: ประมวลผลการจองใหม่และตรวจสอบความพร้อมของห้อง
  • ระบบการแจ้งเตือน: ส่งแจ้งเตือนไปยังแขกและพนักงานเกี่ยวกับการจอง
  • ระบบการยกเลิกการจอง: จัดการการยกเลิกการจองและการคืนเงิน

ขั้นตอนการทำงาน

  • การรับการจอง: ผ่านเว็บไซต์, โทรศัพท์, หรือแอปพลิเคชัน
  • การตรวจสอบความพร้อมของห้อง: ตรวจสอบสถานะห้องว่าว่างหรือไม่
  • การยืนยันการจอง: แจ้งให้แขกทราบผ่าน SMS หรือ Email
  • การแจ้งเตือนก่อนวันที่จอง: เตือนแขกก่อนวันที่เข้าพัก
  • การยกเลิกการจอง: ตามคำขอของแขกหรือข้อจำกัดเฉพาะของโรงแรม

การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์

  • เซิร์ฟเวอร์: เก็บข้อมูลการจองและสถานะห้องพัก
  • คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต: ใช้ในการทำรายการจองและการตรวจสอบสถานะห้อง
  • ระบบ SMS และ Email: สำหรับการส่งแจ้งเตือนเกี่ยวกับการจอง

2. ระบบการเช็คอิน/เอาท์ (Check-in/Check-out System)

 

ความหมาย

ระบบการเช็คอินและเช็คเอาท์เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจโรงแรม มันทำหน้าที่ในการจัดการข้อมูลของแขกเมื่อเข้ามาพักที่โรงแรมและเมื่อออกจากโรงแรม

ขั้นตอนการทำงาน

  • รับข้อมูลของแขก: ในขั้นตอนการเช็คอิน, โรงแรมจะต้องรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของแขก เช่น ชื่อ, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล, และข้อมูลบัตรเครดิต (สำหรับการรับประกันหรือชำระเงิน)
  • การยืนยันการจอง: ระบบจะต้องยืนยันว่าห้องพักที่ถูกจองยังว่างสำหรับแขกและยืนยันว่าไม่มีการจองซ้อนทับ
  • การ์ดคีย์ห้องพัก: หลังจากเช็คอิน, แขกจะได้รับการ์ดคีย์ที่ใช้เป็นตัวยืนยันสิทธิ์ในการเข้าห้องพัก
  • บันทึกการใช้บริการ: ระหว่างการเข้าพัก, ระบบจะบันทึกการใช้บริการต่างๆ เช่น การใช้บริการห้องอาหาร, สปา, หรือบริการอื่นๆ ภายในโรงแรม
  • การเช็คเอาท์: เมื่อแขกต้องการออกจากโรงแรม, ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด และขอให้แขกชำระเงิน
  • ใบเสร็จรับเงิน: หลังจากการชำระเงิน, แขกจะได้รับใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานว่าได้ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด

การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์

  • เครื่องอ่านการ์ดคีย์: ใช้ในการเขียนและอ่านข้อมูลจากการ์ดคีย์ห้องพัก
  • เครื่องรับเงิน: สำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
  • เครื่องพิมพ์: สำหรับการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน, แผนที่ของโรงแรม, หรือข้อมูลอื่นๆที่แขกต้องการ
  • ระบบคอมพิวเตอร์: ที่มีซอฟต์แวร์สำหรับการเช็คอิน/เอาท์ และการจัดการข้อมูลแขก

โดยรวม, ระบบการเช็คอิน/เอาท์จะต้องเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถจัดการข้อมูลของแขกและบริการต่างๆที่ใช้ในระหว่างการเข้าพักให้แม่นยำและรวดเร็ว

 

3. ระบบการจัดการห้อง (Room Management System)

 

ความหมาย

ระบบการจัดการห้อง (Room Management System) เป็นระบบที่ใช้ในการจัดการและควบคุมห้องทั้งหมดในโรงแรมหรือสถานพักผ่อน ว่าห้องไหนว่าง, ห้องไหนถูกจองแล้ว, ห้องไหนกำลังใช้งานอยู่ นอกจากนี้ยังมีการจัดการการบำรุงรักษาห้อง, การตรวจสอบสภาพห้อง และการปรับปรุงห้องตามความต้องการของแขก

 

ขั้นตอนการทำงาน

  • การตรวจสอบสถานะห้อง: ระบบจะแสดงสถานะของห้องทั้งหมดว่าห้องไหนว่าง, ห้องไหนถูกจอง, ห้องไหนกำลังถูกใช้งาน ฯลฯ
  • การแสดงรายละเอียดห้อง: เมื่อมีการเลือกห้อง, ระบบจะแสดงรายละเอียดของห้อง หากต้องการ
  • การจองห้อง: แขกสามารถจองห้องผ่านระบบ และระบบจะเปลี่ยนสถานะห้องเป็น “ถูกจอง”
  • การเช็คอิน/เอาท์: เมื่อแขกเช็คอิน, ระบบจะเปลี่ยนสถานะห้องเป็น “กำลังใช้งาน” และเมื่อเช็คเอาท์, สถานะจะกลับมาเป็น “ว่าง”
  • การปรับปรุงและบำรุงรักษา: ระบบจะแจ้งเตือนเมื่อห้องต้องการบำรุงรักษาหรือปรับปรุง และสามารถเปลี่ยนสถานะห้องเป็น “ไม่พร้อมใช้งาน” ขณะที่กำลังดำเนินการ

การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์

  • เครื่องคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต: ใช้เป็นส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ เช่น iPad หรือ Microsoft Surface สำหรับแสดงข้อมูลและรับคำสั่ง
  • ระบบการ์ดคีย์ห้อง: เชื่อมต่อกับเครื่องอ่านการ์ดเพื่อการยืนยันตัวตนของแขกเมื่อเปิดห้อง และบันทึกข้อมูลการเข้า-ออกห้อง
  • ระบบป้ายแสดงสถานะห้อง: เช่น เมื่อห้องถูกใช้งาน, ป้ายสถานะห้องอาจแสดงว่า “Do Not Disturb” และสามารถเชื่อมต่อกับระบบผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth
  • เซนเซอร์ตรวจจับ: เช่น เซนเซอร์ตรวจจับว่ามีคนอยู่ในห้องหรือไม่ เพื่อปรับสภาพแวดล้อมในห้องหรือการประหยัดพลังงาน

การใช้งานทั้งหมดนี้เพื่อให้โรงแรมสามารถจัดการและควบคุมห้องในโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่แขก

 

4. ระบบการเรียกเก็บเงิน (Billing System)

 

ความหมาย

ระบบการเรียกเก็บเงิน (Billing System) คือ ระบบที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าในโรงแรม หากทั้งหมดได้รับการจัดการด้วยความถูกต้องและมีประสิทธิภาพ, ระบบนี้จะช่วยให้โรงแรมมีสภาพคล่องตัวทางการเงินและลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนหรือไม่จำเป็น

 

ขั้นตอนการทำงาน

  • การสร้างบิล: เมื่อแขกเข้าพัก, ระบบจะสร้างบิลสำหรับพวกเขาโดยอัตโนมัติ บิลนี้จะปรับปรุงตามการใช้บริการต่างๆ ของโรงแรม
  • การเพิ่มค่าใช้จ่าย: ระบบจะเพิ่มรายการใด ๆ ที่แขกใช้ในระหว่างการเข้าพัก, เช่น อาหาร, บริการห้อง, บริการโทรศัพท์ และค่าบริการอื่น ๆ
  • การตรวจสอบบิล: แขกสามารถตรวจสอบบิลได้ในเวลาใด ๆ ผ่านทาง TV ในห้องพัก หรือ App ของโรงแรม
  • การชำระเงิน: เมื่อเวลาเช็คเอาท์, แขกสามารถชำระเงินผ่านระบบ POS หรือผ่านระบบการเรียกเก็บเงินออนไลน์ได้

 

การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์:

  • เครื่องคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต: เพื่อใช้ในการเรียกดูและจัดการบิล
  • POS (Point Of Sale) เครื่อง: เช่น Square หรือ Clover สำหรับการชำระเงิน
  • เครื่องพิมพ์: เพื่อพิมพ์ใบเสร็จหรือบิลให้แก่แขก
  • เครื่องอ่านการ์ดเครดิต: เพื่อรับการชำระเงินจากการ์ดเครดิตหรือบัตรเดบิต
  • ระบบเครือข่าย: เพื่อส่งข้อมูลการชำระเงินไปยังธนาคารหรือผู้ให้บริการการเงิน

การมีระบบการเรียกเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพและเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้โรงแรมเรียกเก็บเงินได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ

 

5. ระบบการติดตามประวัติแขก (Guest History Tracking System)

ความหมาย

  • ระบบการติดตามประวัติแขกเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวม, เก็บรักษา, และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับแขกที่เข้าพักในโรงแรม ระบบนี้จะช่วยในการจดจำแขกที่กลับมา, การปรับเสนอบริการที่ปรับเฉพาะบุคคล, และเพิ่มประสิทธิภาพในการตลาด จากการวิเคราะห์พฤติกรรม, ความชอบ, และประวัติของแขก

ขั้นตอนการทำงาน

  • การเก็บข้อมูล: เมื่อแขกเช็คอิน, ข้อมูลพื้นฐานเช่น ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, และความชอบพิเศษจะถูกรวบรวมและเก็บเข้าสู่ระบบ
  • การวิเคราะห์ข้อมูล: ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลจากการเข้าพักย้อนหลัง เช่น ประเภทห้องที่เข้าพัก, บริการที่ใช้บ่อย, หรือข้อเสนอพิเศษที่ได้รับ
  • การปรับบริการ: โดยอาศัยข้อมูลที่วิเคราะห์, โรงแรมสามารถปรับการเสนอข้อเสนอพิเศษหรือบริการตามความต้องการของแขก
  • การติดต่อแขก**: ระบบสามารถส่งข้อเสนอพิเศษ, คูปอง, หรือข้อมูลโปรโมชั่นไปยังแขกผ่านทางอีเมล, ข้อความ, หรือแอพพลิเคชั่น

การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์

  • เซิร์ฟเวอร์: เพื่อเก็บข้อมูลของแขก และการประมวลผลข้อมูล โดยทั่วไปเซิร์ฟเวอร์จะต้องมีความปลอดภัยสูงเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
  • คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต: สำหรับเจ้าหน้าที่ที่จะทำการเช็คอิน, เช็คเอาท์ และรับข้อมูลประวัติของแขก

6. ระบบการจดจำใบหน้า (Facial Recognition System)

ความหมาย

  • ระบบการจดจำใบหน้าเป็นเทคโนโลยีที่ใช้การประมวลผลภาพและการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อระบุหรือตรวจสอบตัวตนของบุคคลโดยใช้ภาพหน้าของพวกเขา. ภาพหน้าของบุคคลเป็นเหมือนลายนิ้วมือที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้ระบบนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการยืนยันตัวตน

ขั้นตอนการทำงาน

  • การเก็บข้อมูล: ในขั้นตอนแรก, ระบบจะเก็บภาพหน้าของบุคคลเพื่อสร้างโปรไฟล์ส่วนบุคคล
  • การประมวลผล: ภาพที่ถูกเก็บเข้ามาจะถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิทัลโดยใช้การประมวลผลภาพ. ข้อมูลจากภาพหน้า, เช่น ระยะห่างระหว่างตา, รูปร่างของจมูก, และลักษณะอื่น ๆ จะถูกเก็บรวมเป็น “ลายนิ้วมือ” ทางด้านภาพหน้า
  • การเก็บในฐานข้อมูล: “ลายนิ้วมือ” ทางด้านภาพหน้าจะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้เปรียบเทียบในอนาคต
  • การตรวจสอบและการยืนยัน: เมื่อมีการยืนยันตัวตน, ระบบจะเปรียบเทียบภาพหน้าใหม่กับภาพที่อยู่ในฐานข้อมูล ถ้ามีการตรงกัน ระบบจะยืนยันตัวตนของบุคคลนั้น

การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์

  • กล้อง: เป็นส่วนสำคัญที่สุดของระบบการจดจำใบหน้า และต้องมีความชัดสูงเพื่อทำให้การจดจำเป็นไปได้ถูกต้อง. เช่น กล้อง IP สำหรับการสอดแนมในสถานที่ใหญ่ หรือกล้อง USB สำหรับสถานที่เล็ก ๆ
  • เซนเซอร์สแกน: บางระบบใช้เซนเซอร์แบบอินฟราเรด (IR) เพื่อสแกนแบบ 3D ของหน้า, เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการยืนยันตัวตน
  • คอมพิวเตอร์/เซิร์ฟเวอร์: เพื่อประมวลผลและเก็บข้อมูล โดยใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการจดจำใบหน้า

เมื่อเราพิจารณาตามขั้นตอนการทำงานและการเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์, ระบบการจดจำใบหน้าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการยืนยันตัวตนของบุคคล ทำให้การเข้าถึงสถานที่หรือระบบต่าง ๆ เป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น